เสถียร เสถียรธรรมะ ผลักดัน CJ Express
สู่ตลาดหุ้น ด้วยวิสัยทัศน์และความยั่งยืน
อ่านกลยุทธ์เดินหมากของ “เสถียร เสถียรธรรมะ” หลังแต่งตัวเดินหน้า ส่ง “CJ Express Group” เข้าตลาดหลักทรัพย์ แม้มาทีหลังแต่เร่งเครื่องโต “หมื่นล้าน” สำเร็จ ชี้ ธุรกิจจะไปต่อได้อย่าเอาแต่ประโยชน์ ต้องรู้จักให้ ไม่มองตัวเองถูกที่สุด เร่งถ่ายเลือดให้ทายาทรับลูกธุรกิจครอบครัวต่อ
ตลาดค้าปลีกดุเดือดแค่ไหน เห็นได้จากการปรับเปลี่ยนพอร์ตธุรกิจในปีที่ผ่านมาของบรรดา “ยักษ์รีเทล” ที่มีการเสริมเติมแต่ง สร้างความปราดเปรียวให้ตนเองวิ่งได้เร็ว อึด และไกลกว่าคู่แข่งในตลาดเดียวกัน แม้ว่ามูลค่าตลาดค้าปลีกจะสูงกว่า “3.7 ล้านล้านบาท” จนเป็นที่หมายตาจากทั่วทุกสารทิศ แต่ก็ต้องยอมรับว่า ต้นทุนในการลงแข่งไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะทุกเซกเมนต์ล้วนมี “เจ้าสนาม” ครองส่วนแบ่งอยู่แล้ว
อย่างไรก็ตามกลับพบว่า ในรอบหลายปีที่ผ่านมามีธุรกิจค้าปลีก “น้องใหม่” ที่ค่อยๆ เติบโต จากการฝ่าวงล้อมด้วยกลยุทธ์ “ป่าล้อมเมือง” จนทำให้ชื่อของ “ซีเจ เอ็กซ์เพรส” (CJ Express) อยู่ในการรับรู้ของผู้บริโภคอย่างแพร่หลาย มีที่ตั้งสาขาโดดเด่นประชันกับ “ยักษ์รีเทล” ได้สบายๆ ทั้งยังมีแผนเตรียมยื่นไฟลิ่ง เข้าตลาดหลักทรัพย์เร็วๆ นี้ด้วย โดย “เสถียร เสถียรธรรมะ” ผู้ก่อตั้งอาณาจักร “ซีเจ” เปิดเผยว่า ปีที่ผ่านมา “ซีเจ เอ็กซ์เพรส กรุ๊ป” ทำกำไรเฉียด “2 พันล้านบาท” โดยไม่ต้องใช้วิธีการดึงตัวผู้บริหาระดับสูงจากที่อื่นมากุมบังเหียน แต่ทั้งหมดเกิดจากความเชื่อเรื่องฐานรากธุรกิจที่ต้องมีจุดเริ่มต้นจาก “เถ้าแก่” และการสร้างคนทำงานมืออาชีพด้วยตัวเอง
สิ่งที่ “เสถียร” ย้ำชัด ยึดเป็นหลักและ “วิถี” ในการดำเนินธุรกิจมาโดยตลอด คือการหยิบยื่นโอกาสให้คนอื่นๆ ในฐานะที่ตนได้เปรียบ-มีโอกาสทางสังคมมากกว่า อะไรที่พอจะช่วยเหลือแบ่งปันกันได้ก็เป็นสิ่งที่ควรทำ เจ้าพ่อค้าปลีกคนนี้เล่าว่า ช่วงที่ร้าน “ซีเจ” มีพื้นที่กว้างขวางมากขึ้น ก็เริ่มมีคนในชุมชนใกล้เคียงเข้ามาขอใช้พื้นที่ ทั้งใช้ในการค้าขาย รวมถึงบางครั้งก็มีสถานที่ราชการมาขอใช้เป็นพื้นที่จอดรถด้วย ช่วงแรกตนให้บรรดาพ่อค้าแม่ค้าเข้ามาทดลองขายดูก่อนสัก 3 เดือน หากกิจการไปได้ดีก็จะเริ่มเก็บค่าเช่าด้วยราคาเท่าที่จ่ายไหว เอาให้พอครอบคลุมค่าน้ำค่าไฟก็เพียงพอแล้ว
“เสถียร” ระบุว่า พื้นที่ให้เช่าค้าขายหน้าร้านอาจไม่ได้ประโยชน์สูงสุดในแง่ตัวเลข เพราะนั่นไม่ใช่เป้าหมายหลัก จะกลายเป็นเรามองเพียงว่า ใครให้เงินมากที่สุด แน่นอนว่า การทำธุรกิจต้องมีเรื่องกำไรขาดทุนเข้ามาเกี่ยวข้อง เจ้าของพื้นที่อย่าง “ซีเจ” ได้ค่าเช่าประมาณหนึ่ง แต่ที่มากไปกว่านั้น คือธุรกิจได้เชื่อมร้อยยึดโยงกับผู้คนในชุมชนด้วย
“สมมติ เขาขายส้มตำไก่ย่างหน้าร้านซีเจ เราก็จะได้ขายเครื่องดื่มไปด้วย ผมคิดว่า ถ้าเราอยู่ในองค์กรที่มีแนวคิดหรือนโยบายที่หยิบยื่นโอกาสให้คนเล็กคนน้อย คนหนุ่มสาวรุ่นใหม่เขาจะตอบแทนเรา อยากมาทำงานกับเรามากกว่า เพราะเขาเห็นแล้วว่า เราทำอะไร ผมทำซีเจก็ไม่จำเป็นต้องให้เขาเช่าด้วยราคาสูงสุด ยิ่งให้คนในท้องถิ่นได้เช่ายิ่งดี รวมทั้งเมื่อมีสถานที่กว้างขวางมากขึ้นแล้วเขามาขอใช้สถานที่เพราะเรามีพื้นที่จอดรถสักไร่หนึ่ง ถ้าคิดเป็นเงินก็คงจะยุ่งยาก พอเราทำแบบนี้ก็ทำให้ธุรกิจกับชุมชนใกล้กันมากขึ้น”
ทั้งนี้ “เสถียร” ยังฝากถึงคนทำงานรุ่นใหม่ด้วยว่า ให้บอกกับตัวเองว่า ทุกสิ่งที่เราคิดไม่ได้ถูกต้องไปทั้งหมด เขาเผยว่า เมื่อครั้งยังวัยรุ่นแล้วเกิดความขัดแย้ง สิ่งที่คิดเสมอคือคนอื่นคิดผิด มาวันนี้สิ่งที่ตกตะกอนได้จากการทำงานมาหลายทศวรรษ คือเราเองก็ผิดเป็น ถ้าวันไหนที่คิดเช่นนี้ได้ทุกอย่างจะเบาลง เมื่อคิดว่าคนอื่นไม่ถูกทุกอย่างจะหนักเพราะเราแก้ไขอะไรไม่ได้ สิ่งนี้จะทำให้ธุรกิจเดินต่อไปได้
เขาบอกด้วยว่า เมื่อทำงานมาเรื่อยๆ มีหลายส่วนที่ต้องดูแล บางครั้งก็เกิดความทุกข์ว่า ทำไมงานเยอะและเหนื่อยมาก แต่ถึงที่สุดแล้วก็พบว่า งานเยอะ งานหนักเป็นเรื่องจริง แต่ความทุกข์ที่เกิดขึ้นเป็นสิ่งปรุงแต่ง บางอย่างอาจจะไม่ได้คิดได้ทันทีภายในวันนี้ ต้องลองปรับวิธีคิด-ต่อสู้กับตัวเองไปเรื่อยๆ การทำงานมักมาพร้อมกับความเหนื่อย แต่จงถามตัวเองอยู่เสมอว่า ความเหนื่อยเหล่านี้ยังเป็นสิ่งที่ทำแล้วมีความสุขหรือไม่
เรียนรู้เพิ่มเติมและติดตามรายละเอียดในลิงก์ด้านล่างนี้: https://www.bangkokbiznews.com/business/business/1112897