PHONE NUMBER :

02 158 9892

Search
Close this search box.

Blog

ผลประกอบการหุ้น SET50 ปี 2567

ผลประกอบการหุ้น SET50 ปี 2567
แกว่งตัวมากสุด 25% ในตลาดหุ้นไทย

เปิดโผ หุ้น SET50 ตั้งแต่ต้นปี 67 บวก – ลบ มากสุดกว่า 25%

        ดัชนี SET50 จัดเป็นหุ้นที่เชื่อว่าดีที่สุดในตลาดหุ้นไทย เป็นหุ้น 50 อันดับแรกที่ผ่านเกณฑ์ที่เข้มข้นของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ซึ่งจะประกอบด้วยหุ้นขนาดใหญ่ Market Capitalization สูง พื้นฐานแข็งแกร่ง และเกณฑ์ที่สำคัญคือ ไม่เป็นหุ้นที่ผิดชำระหนี้ที่อาจส่งผลกระทบต่อฐานะการเงินของบริษัท ฉะนั้นแล้วนักลงทุนส่วนใหญ่จึงมักเลือกลงทุนใน ดัชนี SET50

        สรพล วีระเมธีกุล ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กสิกรไทย ให้ข้อมูลกับ “กรุงเทพธุรกิจ” ว่า สำหรับในหุ้น SET50 หลัก ๆ เป็นกลุ่มพลังงาน กลุ่มธนาคาร และกลุ่ม ICT ซึ่งกลุ่มธนาคารยังคงดูไม่ค่อยดีนัก ส่วนกลุ่มพลังงานเหมือนจะดูดีขึ้น เพราะว่าเศรษฐกิจ IMF มีการอัพเดต จีพีดีโลกขึ้น เพราะฉะนั้นเศรษฐกิจสหรัฐมีการฟื้นตัว มีโมเมนตัมค่อนข้างดี เพราะฉะนั้นกลุ่มพลังงานจะเป็นตัวรับโฟล์แทนกลุ่มธนาคาร อย่างไรก็ตาม มองว่า ตลาดหุ้นไทยคาดหวังการฟื้นตัวค่อนข้างลำบาก เป็นการแกว่งตัวอยู่ที่บริเวณ 1,360 – 1,400 จุด จนกว่าจะมีความชัดเจนในเรื่องของดิจิทัลวอลเลต

        ทั้งนี้ ในเดือนมกราคมที่ผ่านมา ตลาดหุ้นไทยมีการปรับตัวขึ้นมาบ้างจาก 1,360 จุด ขึ้นมายืนที่ 1,380 – 1,390 จุด แต่ถือว่ายัง Underperform เมื่อเทียบกับตลาดต่างประเทศ เนื่องจากในตลาดหุ้นต่างประเทศบวกไปแล้วกว่า 5%

        ทั้งนี้สาเหตุหลักมาจากต่างชาติที่ยังคงขายสุทธิประมาณ 25,000 -30,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลมาจากกลุ่มธนาคารที่ Outlook เศรษฐกิจไทยที่ไม่ค่อยดี ซึ่งจีพีดีเศรษฐกิจไทยปีนี้แตะที่ 3% ค่อนข้างยาก ถ้าไม่มีดิจิทัลวอลเลต จึงเป็นผลทำให้ต่างชาติมองว่า มีความกังวลต่อเศรษฐกิจไทยภายในประเทศ

        อีกหนึ่งประเด็นที่มีความสำคัญมาก ๆ หากดูที่เศรษฐกิจของสหรัฐ ดูเหมือนจะออกมาดีกว่าที่หลาย ๆ คนคาดการณ์ไว้ หลังจากที่ตัวเลขเงินเฟ้อที่ออกมาสูงกว่าที่คาดการณ์ ตัวเลขภาคการจ้างงาน และตัวเลขจีดีพีที่สูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ ส่งผลทำให้การคาดการณ์ของอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ ที่เดิมคาดการณ์ว่าจะลดครั้งแรกในเดือนมี.ค. นี้ และจะลดทั้งหมดประมาณ 6 -7 ครั้ง แต่มีการปรับลดลงมาที่ประมาณ 3 – 4 ครั้ง

        เพราะฉะนั้นระยะสั้น ๆ จะเห็นได้ว่า บอนด์ยีล กับตลาดหุ้นสหรัฐเริ่มเด้งกลับขึ้นมา นั่นแสดงภาพสะท้อนว่าเฟดอาจจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยได้น้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้ ซึ่งอาจจะยืนอยู่ในกรอบบริเวณประมาณ 5% ซึ่งถือว่า เป็นสิ่งที่น่ากลัว เนื่องจากว่า หากใน 2 -3 เดือนข้างหน้า ถ้าไม่มีดิจิทัลวอลเลต และยังประสบกับภาวะกับเงินฝืดอยู่ ขณะที่จีดีพี downside ทำให้บ้านเราอาจจะต้องมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ย

        ทั้งนี้หากไทยมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 1 – 2 ครั้ง ขณะที่สหรัฐกลับไม่ลดอัตราดอกเบี้ย หรือลดอัตราดอกเบี้ยช้ากว่าที่คาดการณ์ไว้ ตรงนี้ถือว่าน่ากังวลมาก เพราะจะส่งผลให้ระหว่างยีลด์ของไทยและสหรัฐจะห่าง จึงเป็นสาเหตุหลักที่จะทำให้ต่างชาติเทขายหุ้นไทยทันที

        และมีการขายหุ้นกลุ่มแบงก์ เนื่องจากว่า NIM ของหุ้นกลุ่มธนาคารเริ่มพีคแล้ว กำลังจะผ่านจุดสูงสุดและกำลังจะลดลง เพราะจึงมีความเสี่ยง เพราะเศรษฐกิจไทยปีนี้ไม่ได้มีการเติบโต มิหนำซ้ำมาร์จิ้นยังเจอแรงกดดัน กลุ่มธนาคารจึงเป็นเป้าหมายหลักในการขายออกของนักลงทุนต่างชาติ

        ทั้งนี้ “กรุงเทพธุรกิจ” ได้สำรวจหุ้น SET50 ตั้งแต่ต้นปี 67 ผลตอบแทนราคาบวก – ลบ มากสุดกว่า 26% (ใช้ราคาปิด ณ วันที่ 15 ก.พ.67)

        เรียนรู้เพิ่มเติมและติดตามรายละเอียดเกี่ยวกับผลประกอบการหุ้น SET50 ในลิงก์ด้านล่างนี้: https://www.bangkokbiznews.com/finance/stock/1113622

RELATED EVENT

โอเมก้าเวิลด์คลาสวิจัยพัฒนาหลักสูตรสัมมนาฝึกอบรม เพื่อผู้นำผู้บริหารเรียนรู้สู่ความสำเร็จแห่งอนาคต

ABOUT ORGANIZER
OMEGAWORLDCLASS

Fostering Business Excellence & Corporate Sustainability